วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ( 1 เข็ม )
ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ...ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งตับ
ทำไมต้องตรวจหาไวรัสตับอักเสบก่อนฉีดวัคซีนตับอักเสบบี ?
เนื่องจากหากเคยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีแล้ว ร่างกายอาจมีภูมิคุ้มกันอยู่แล้ว ทำให้การฉีดวัคซีนซ้ำไม่จำเป็น และอาจเป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ การตรวจยังช่วยให้แพทย์ทราบสถานะการติดเชื้อของผู้เข้ารับการฉีดวัคซีน และสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมได้
ใครบ้างควรได้รับการฉีดวัคซีน :
- บุคคลที่ยังไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนและมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ดังเช่น
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
- ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน
- ผู้ที่ฉีดสารเสพติด
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์มากกว่าหนึ่งคนขึ้นไป
- ผู้ที่เป็นโรคตับเรื้อรัง หรือโรคไตเรื้อรัง
- ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานและมีอายุน้อยกว่า 60 ปี
- บุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งต่างๆ
- บุคคลในครอบครัวติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
- ผู้ที่เดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดของไวรัสตับอักเสบบี
- ผู้ติดเชื้อเอดส์
- สตรีตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงก็สามารถฉีดวัคซีนได้
ข้อแนะนำในการเข้ารับการฉีดวัคซีน
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการฉีด
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ หรือเครื่องดื่ม ชูกำลัง
- วันที่ฉีดวัคซีนไม่ควรมีไข้ หรือเจ็บป่วยใดๆ เช่น ท้องเสีย มีผื่นแพ้ เป็นต้น
- งดออกกำลังกายอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนฉีดวัคซีน และงดออกกำลังกายหลังฉีดวัคซีน 1 วัน
- ในวันที่มาฉีดวัคซีนสามารถรับประทานอาหาร น้ำ รวมถึงยาประจำตัวได้ตามปกติ
- แจ้งข้อมูลสำคัญที่แพทย์ควรทราบก่อนฉีดวัคซีน เช่น โรคประจำตัว, ประวัติการแพ้ยาหรือวัคซีน, ยาต้านเกร็ดเลือดที่มีผลทำให้เลือดออกผิดปกติ และข้อมูลอื่นๆ ที่แพทย์ควรทราบ
- ใส่เสื้อแขนสั้นเพื่อความสะดวกในการฉีดวัคซีน
ข้อดีของการฉีดวัคซีนป้องกัน
- ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย
- ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
- ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ถึง 97 %
**ฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ครบ 3 เข็ม เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมศูนย์ตรวจสุขภาพ โรงพยาบาลลานนา
เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 08.00-16.30 น.
โทร.052-134-727