ท้องผูกไม่ใช่เรื่องปกติ หากปล่อยไว้นาน อาจส่งผลเสีย ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
หลายๆคนคงเคยมีภาวะท้องผูก ขับถ่ายยาก ขับถ่ายไม่เป็นเวลากันใช่ไหมคะ และคงคิดว่าเป็นเรื่องปกติเพราะเป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น แม้อาการท้องผูก อาจจะดูไม่ร้ายแรง แต่หากใครที่เป็นบ่อยๆ หากปล่อยไว้นาน ก็อาจกลายเป็นท้องผูกเรื้อรังได้ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อตัวเราเอง ฉะนั้น การตรวจคัดกรองแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ หากตรวจพบเร็ว ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้เช่นกัน
ภาวะท้องผูก (Constipation) เป็นอาการถ่ายอุจจาระน้อยกว่าปกติหรือถ่ายอุจจาระไม่ออกเป็นเวลานาน ซึ่งพฤติกรรมและความถี่ในการถ่ายอุจจาระปกติของแต่ละคนอาจมีความแตกต่างกัน ในทางการวินิจฉัยโรคหากท่านขับถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์จะถือว่า “ท้องผูก” ซึ่งส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจอย่างมาก เพราะการท้องผูกนั้นจะทำให้เรารู้สึกอึดอัด เครียด ไม่สดชื่นกระปรี้กระเปร่า ในบางคนอาจจะรู้สึกเบื่ออาหาร ปวดหัว ปวดหลัง และแสบร้อนบริเวณหน้าอก และถ้าหากเป็นท้องผูกบ่อย ๆ จนกลายเป็นอาการเรื้อรัง ก็จะส่งผลกระทบที่อันตรายต่อร่างกาย เช่น
· ทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวาร เนื่องจากก้อนอุจจาระแข็งทำให้เบ่งยาก และไปกดครูดกับบริเวณทวารหนักทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวาร หรือแผลปริรอบ ๆ ทวารหนักจากอุจจาระที่แห้งแข็งครูดหลอดเลือดจนฉีกขาด
· เป็นสาเหตุให้เกิดภาวะอุจจาระอัดแน่น เนื่องจากเมื่อท้องผูก ถ่ายได้ยาก ก็ทำให้ถ่ายอุจจาระได้ไม่หมด เมื่ออุจจาระตกค้างและเกาะผนังลำไส้อัดแน่นนานก็จะส่งผลให้มีอาการท้องผูกรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ หายใจติดขัด แน่นท้อง รู้สึกมีลมในท้องจำนวนมาก
· ภาวะอุจจาระอัดแน่น หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รีบดูแลรักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายมากกว่าเดิม คือภาวะลำไส้อุดตัน จนไม่สามารถผายลมหรืออุจจาระได้ และอาจเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
· ทำให้ความดันในช่องทรวงอกเพิ่มขึ้น ผู้ป่วยโรคหัวใจอาจเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้ และทำให้ความดันในลูกตาสูงขึ้นซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดตาและหู
· ทำให้เกิดปัญหากลิ่นปาก เพราะอาการท้องผูก ทำให้มีของเสียหรือแบคทีเรียที่ไม่ดี ตกค้างอยู่ในลำไส้นาน ทำให้เกิดการสะสมของก๊าซ และกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งจะแสดงออกมาในรูปแบบของกลิ่นปาก กลิ่นตัว
อาการท้องผูกสามารถสังเกตได้จากการถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือน้อยกว่าปกติที่เคยเป็น อุจจาระมีลักษณะเป็นก้อนแข็ง หรือเป็นเม็ดเล็ก ๆ รู้สึกถ่ายอุจจาระไม่ออก หรือถ่ายอุจจาระได้ไม่สุด ถ่ายอุจจาระออกได้ยาก ต้องใช้แรงเบ่งมากหรือใช้มือช่วยล้วง อาจมีอาการเจ็บขณะถ่ายอุจจาระร่วมด้วย และมีอาการท้องอืด ปวดท้อง หรือปวดเกร็งในช่องท้อง
หากมีอาการท้องผูกติดต่อกัน 3 เดือน อาจนำไปสู่เกิดภาวะท้องผูกเรื้อรัง ที่มีความรุนแรงขึ้นได้ ดังนั้น ผู้ที่มีอาการท้องผูกบ่อย ๆ จึงควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง เช่น พฤติกรรมการรับประทานอาหาร พฤติกรรมการขับถ่าย หรือไปปรึกษาแพทย์หากอาการท้องผูกไม่ดีขึ้น ป้องกันอาการท้องผูกโดยการรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ และธัญญพืช ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหารและกล้ามเนื้อหลัง ซึ่งจะช่วยให้ลำไส้เคลื่อนไหวดีขึ้น ขับถ่ายให้เป็นเวลา ซึ่งควรทำให้เป็นกิจวัตร อย่ากลั้นอุจจาระ ควรเข้าห้องน้ำทุกครั้งที่รู้สึกปวด ไม่นั่งถ่ายอุจจาระนานเกินไปและไม่ควรใช้ยาระบาย ติดต่อกันเป็นเวลานาน
หากท่านใดที่มีปัญหาท้องผูกบ่อยๆ อย่านิ่งนอนใจ โรงพยาบาลลานนา มีศูนย์โรคปวดท้อง และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหาร ที่พร้อมให้คำปรึกษา หากมีปัญหาตามที่กล่าวมาเบื้องต้น สามารถเข้าปรึกษาแพทย์ได้ ปัญหาท้องผูกแม้เป็นโรคไม่น่ากลัว แต่อาจต้องมาตรวจเพิ่มเติม หากมีอาการที่สงสัยมะเร็งร่วมด้วย