รังสี UV ในแสงแดด ทำร้ายดวงตามากกว่าที่คิด
แสงแดดแรงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผิวหนังทำให้ผิวดำคล้ำเสียเท่านั้นนะคะ แต่ยังทำให้ดวงตาเสื่อมสภาพลงได้โดยไม่รู้ตัว เป็นอันตรายทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอีกด้วย โดยระยะสั้นนั้นทำให้เกิดอาการและโรคทางสายตา เช่น มองเห็นภาพไม่ชัด ดวงตาอักเสบ และโรคกระจกตาอักเสบ ส่วนในระยะยาว รังสีอาจทำให้จอประสาทตาเสื่อม เป็นต้อเนื้อ ต้อลมหรือ ต้อกระจก ซึ่งต้อกระจกคือสาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้ตาอาจบอดได้.. มาดูกันค่ะว่า แสงแดดจากดวงอาทิตย์สามารถทำร้ายดวงตาได้อย่างไร และจะทำอย่างไรให้ดวงตาของคุณได้รับการดูแลทะนุถนอม ไม่เสื่อมสภาพหรือเกิดปัญหาก่อนวัยอันควร
อันตรายจากรังสียูวีแต่ละชนิด
รังสี UVA จะส่งผลเสียต่อกระจกตาและเยื่อตา ทำให้มีอาการเมื่อยล้าที่กล้ามเนื้อตา หรือ สูญเสีย
การมองเห็นอาจชั่วคราวหรือถาวร
รังสี UVB ส่งผลให้เกิดการเผาไหม้ที่กระจกตาและเกิดการอักเสบได้
รังสี UVC จะส่งผลเสียต่อกระจกตาและเลนส์ตา โดยหากได้รับแสงยูวีประเภทนี้เป็น
เวลานานกว่า 30 นาทีจนถึง 12 ชั่วโมง ก็จะมีอาการระคายเคืองที่ตาเหมือนมีสิ่งแปลกปลอม เช่น ฝุ่น หรือ เศษผงเข้าตา อาจมีน้ำตาคลอ หรือซึมอยู่ตลอด และรู้สึกเจ็บอีกด้วย
และหากเราได้รับรังสียูวีติดต่อกันเป็นเวลานานโดยที่ไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน อาจเป็นอันตรายต่อดวงตา เป็นสาเหตุให้เกิดโรคทางตาได้ ไม่ว่าจะเป็น
ต้อลม เกิดจากดวงตาถูกรังรังสียูวีในแสงแดดอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ทำให้เซลล์เยื่อบุตา
ขาวสร้างสารประเภทโปรตีนและไขมันมากกว่าปกติ จนเกิดเป็นก้อนหรือแผ่นหนาบนเยื่อบุตาขาวข้างกระจกตาดำ เนื่องจากประเทศไทยมีแสงแดดจัดตลอดทั้งปี ดังนั้น จึงพบผู้ที่เป็นต้อลมได้บ่อยมาก
โรคต้อเนื้อ โรคที่เกิดจากการเสื่อมของเยื่อบุตา จนกลายเป็นเนื้อสีแดงรูปสามเหลี่ยมยื่นเข้าไปในตาดำ สาเหตุเกิดจากเยื่อบุตาส่วนนั้นถูกแสงยูวีจากดวงอาทิตย์มากเกินไป ซึ่งหากเป็นต้อเนื้อแล้วจะรู้สึกเคืองตา คันตา แสบตา ตาแดง น้ำตาไหล โดยอาการจะเป็นมากขึ้นหากไปอยู่กลางแจ้ง หรือโดนแดดโดนลม ผู้ที่ยังมีอาการไม่มากอาจไม่ส่งผลอะไรมากนัก แต่หากต้อเนื้อลุกลามไปบดบังตรงกลางของกระจกตา ก็จะมีผลต่อการมองเห็น
ต้อกระจก ส่วนมากจะพบในผู้สูงอายุ เกิดจากเลนส์แก้วตาที่เสื่อมตามวัย ซึ่งผู้ที่ต้องสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน เช่น ผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง หรือผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับการเชื่อมโลหะโดยไม่สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันรังสียูก็เป็นตัวเร่งให้เกิดต้อกระจกได้เร็วขึ้น
จอประสาทตาเสื่อม การอยู่กลางแสงแดดจัดเป็นเวลานาน จะทำให้กระบวนการป้องกันจอตาตามธรรมชาติลดลงและเกิดการเสื่อมของจอตาได้ง่ายขึ้นเมื่อได้รับรังสียูวี ซึ่งอาจนำไปสู่อาการตาบอดถาวรได้
กระจกตาอักเสบ เมื่อดวงตาได้รับรังสียูวีในปริมาณมาก เช่น รังสียูวีจากการเชื่อมโลหะโดยไม่ใส่อุปกรณ์
ป้องกัน ทำให้กระจกตาเกิดการอักเสบเฉียบพลัน มักเกิดอาการประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง หลังจากได้รับรังสียูวีปริมาณมาก อาการนี้ผู้ป่วยมักไม่รู้สึกในทันที ควรสังเกตว่าตนเองมีอาการเคืองตา ตาแห้ง ตาแดง ปวด บวม หรือมีอาการตามัวชั่วคราว เกิน 24 ชั่วโมง ควรพบแพทย์ทันที
ดวงตาเป็นอวัยวะบอบบางและต้องการการทะนุถนอม เมื่อเห็นถึงพิษภัยของรังสียูวีที่มีต่อดวงตาอย่างนี้แล้ว หากไม่จำเป็นควรหลีกเหลี่ยงการออกแดดในช่วงเวลาตั้งแต่ 11 นาฬิกาไปจนถึงบ่าย 3 โมง เนื่องจากเป็นช่วงที่แดดแรงที่สุด แต่ถ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็อย่าลืมสวมแว่นกันแดด สวมหมวก หรือกางร่ม ทุกครั้งเมื่อต้องเผชิญกับแสงแดด เพื่อลดการโดนรังสียูวีโดยตรง เมื่อรู้สึกว่ามีอาการแสบตา ไม่สบายตา อาจหยอดน้ำตาเทียมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับตา และที่สำคัญที่สุด...คืออย่าลืมตรวจคัดกรองความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคตาย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง จะได้รับคำแนะนำจากจักษุแพทย์ และดูแลสุขภาพดวงตาให้แข็งแรงอยู่เสมอหากเกิดความผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา ก็ช่วยให้เราสามารถดูแลรักษาได้อย่างทันท่วงที
พญ.กฤติยา ภูมิสินสิริ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน จักษุวิทยา โรงพยาบาลลานนา