อย่าชะล่าใจไข้เลือดออก เป็นแล้วเป็นซ้ำได้

ทุกคนรู้ไหมคะว่าคนหนึ่งคนสามารถเป็นไข้เลือดออกได้มากกว่าหนึ่งครั้ง และในครั้งถัดมาของการติดเชื้อ อาการของโรคอาจจะหนักกว่าครั้งก่อน มีความรุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ ถ้าได้รับการรักษาล่าช้า และไม่เหมาะสม ที่เป็นเช่นนี้เพราะในการได้รับเชื้อไข้เลือดออกในครั้งแรกร่างกายของเราจะมีระบบภูมิคุ้มกันโดยการสร้างภูมิต้านทานออกมาต่อสู้กับเชื้อไวรัส แต่ภูมิต้านทานไม่ได้ป้องกันไข้เลือดออกสายพันธุ์อื่นๆ สามารถป้องกันได้เพียงสายพันธุ์ที่เคยติดมาแล้ว เมื่อได้รับเชื้อไข้เลือดออกซ้ำในครั้งที่สองแต่คนละสายพันธุ์ ภูมิต้านของเราในร่างกายเราจะทำงานได้ไม่ดีพอ ไม่สามารถสู้กับเชื้อไวรัสได้อย่างทันเวลา หรือบางรายภูมิต้านทานที่เคยเป็นเกราะป้องกัน อาจกลับผันตัวเองไปเป็นตัวช่วยให้เชื้อไวรัสนั้นแข็งแรงขึ้น กระจายตัวได้มากขึ้น จึงเป็นสาเหตุทำให้การติดเชื้อครั้งที่สองหรือครั้งต่อมายิ่งรุนแรงขึ้นนั้นเอง 

อาการของโรคไข้เลือดออกจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี่ในครั้งที่ 2 นั้น จะยังมีลักษณะอาการเบื้องต้นคล้ายกับอาการของโรคไข้เลือดออกโดยทั่วไป เช่น ไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา คลื่นไส้อาเจียน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เซื่องซึม เบื่ออาหาร มีผื่นแดงในช่วงใกล้จะไข้ลดลง แต่ความรุนแรงของอาการอาจมีแนวโน้มรุนแรงมากกว่าการติดเชื้อในครั้งแรก และอาจส่งผลอันตรายต่อชีวิตได้จากอาการเลือดออกตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เช่น เลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด หรือมีประจำเดือนมากผิดปกติเป็นต้น

ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อความความรุนแรงจากโรคไข้เลือดออกครั้งที่ 2

•      ผู้ที่เคยติดเชื้อไวรัสเดงกีหรือเป็นโรคไข้เลือดออกมาก่อน
•      ทารกในครรภ์ สตรีมีครรภ์ และเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี  มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นสำหรับการพัฒนาระดับเป็นโรคไข้เลือดออกอย่างรุนแรง
•      ผู้ที่อาศัยในภูมิอากาศเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนทั่วโลก รวมทั้งบริเวณที่พักอาศัยที่มีลักษณะเอื้อต่อการเพาะพันธุ์ยุง เช่น บริเวณที่มี หลุม แอ่งน้ำขัง แหล่งน้ำนิ่ง พื้นที่ร้าง ป่ารกชัฏ หรือแหล่งขยะหมักหมม

สังเกตอาการของตนเองและคนในครอบครัว ถ้ามีอาการดังต่อไปนี้ควรมาพบแพทย์ทันที

•      อาเจียนมากไม่สามารถรับประทานอาหาร และน้ำดื่มได้เพียงพอ
•      ปวดท้องมาก
•      มีเลือดออกรุนแรง (อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ เลือดกำเดาไหลไม่หยุดง่ายๆ)
•      ไข้ลดลง ตัวเย็นผิดปกติ มือเท้าเย็น เหงื่อออกมาก กระสับกระส่าย หรือซึมลง
•      ไม่ปัสสาวะนานกว่า 6 ชั่วโมง
•      หอบเหนื่อย บวม

ปัจจุบันยังไม่มียาที่จะนำมารักษาโรคไข้เลือดออกโดยตรง วิธีการป้องกันที่ดีที่สุดคือไม่ให้ยุงลายกัด ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และอีกวิธีที่สำคัญคือการฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก 

การฉีดวัคซีนไข้เลือดออก ( Qdenga Vaccine )

• สามารถป้องกันโรคได้ 80.2%
• ลดความรุนแรงของโรค 85.9%
• ลดอัตราการนอนโรงพยาบาล 90.4%

** ฉีดครั้งแรก ภูมิคุ้มกันจะเริ่มเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ โดยจะฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนังบริเวณต้นแขน ฉีดทั้งหมด 2 เข็ม ห่างกันเข็มละ 3 เดือน ( ที่ 0 , 3 เดือน )

โรงพยาบาลลานนา มีวิธีการตรวจหาโรคไข้เลือดออกโดยวิธี PCR และวิธีอื่นๆตามระยะเวลาของการเกิดโรค เพื่อให้ได้ผลแม่นยำทำให้ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยโรคและการรักษาโรคไข้เลือดออกได้ทันเวลา และเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยที่สุด และมีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก (Qdenga Vaccine)  ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง สามารถฉีดได้ทั้งในผู้ที่เคย และไม่เคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน แนะนำให้ฉีดทั้งครอบครัว..เพื่อป้องกันและช่วยเสริมภูมิคุ้มกันต่อไข้เลือดออกค่ะ